ในปัจจุบัน สถานที่และวิธีที่เราทำงานได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ความคล่องตัวกลายเป็นมาตรฐานของการทำงานยุคใหม่ นอกจากการนั่งทำงานที่ออฟฟิศแบบดั้งเดิมแล้วนั้น การทำงานจากระยะไกลหรือทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ได้รับความนิยมมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดการผสมผสานของสไตล์การทำงานทั้งสองแบบเข้าด้วยกัน หรือที่เราเรียกกันว่า Hybrid Workplace ในแง่ของธุรกิจ การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดให้ครอบคลุมทุกคนโดยไม่แบ่งแยก ซึ่งเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงาน และทำให้พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้
ในตอนที่ 3 ของบทความชุดนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจกลยุทธ์และวิธีการสำคัญๆ ที่จะทำให้คุณมีสถานที่ทำงานแบบไฮบริดที่เป็นประโยชน์กับทุกคน โดยเราจะมาดูกันว่า การเปลี่ยนแปลงโดยมุ่งเน้นการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยมาใช้งาน จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร ช่วยให้ทีมงานมีชีวิตการทำงานที่ดียิ่งขึ้น และเสริมสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ยืดหยุ่นได้อย่างไร
ทำความรู้จักกับ Hybrid Workplace
คำว่า ‘Hybrid Workplace’ เป็นคำเรียกรวมการนำเทคโนโลยีและรูปแบบการทำงานหลากหลายมาใช้ในการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงานที่โต๊ะทำงานส่วนตัว โต๊ะทำงานส่วนกลาง หรือจะเป็นที่ไซต์งานของลูกค้า รวมถึงการทำงานจากระยะไกลหรือนอกสถานที่ เป็นต้น ซึ่งการผสมผสานระหว่างการทำงานแบบออฟไลน์และออนไลน์ หรือการทำงานร่วมกันของคนที่อยู่ต่างสถานที่กันผ่านระบบ เครื่องมือ หรือโซลูชันการประชุมต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นการทำงานในรูปแบบไฮบริดทั้งสิ้น
การทำงานแบบไฮบริดที่ออกแบบอย่างเหมาะสมและลงตัว จะทำให้พนักงานรู้สึกพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น รวมถึงช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางระหว่างสถานที่ และส่งเสริมให้พนักงานมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Work-life Balance) ที่ดียิ่งกว่าเดิม อย่างไรก็ดี การทำงานแบบไฮบริดซึ่งทุกคนทำงานอยู่ต่างสถานที่กันอาจมีความท้าทายหลายประการ เช่น การรักษาความสัมพันธ์และความสามัคคีระหว่างคนในทีม การแบ่งสรรโอกาสให้เท่าเทียมกัน รวมถึงเรื่องของความปลอดภัยและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระบบขององค์กร จากการเข้าถึงหรือใช้งานข้อมูลโดยผู้ที่ทำงานจากระยะไกล เป็นต้น
ทำงานและสื่อสารให้เข้าใจตรงกัน
ในสถานที่ทำงานแบบไฮบริด การสื่อสารและการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพจะมีความสำคัญมากกว่าที่เคย คุณจึงควรวางแนวทางในการปฏิบัติงานร่วมกันให้ชัดเจน เพื่อให้ทีมงานทุกคนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและโปร่งใสอย่างทันท่วงที และส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีภายในทีม
ใช้เครื่องมือและวิธีสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
เครื่องมือหรือช่องทางการสื่อสารต่างๆ ภายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความผ่านระบบแชทไปจนถึงเครื่องมือในการบริหารจัดการโปรเจกต์งานต่างๆ ล้วนมีจุดประสงค์ในการใช้งานเฉพาะของตัวเอง เพื่อคงคุณภาพการสื่อสารให้มีความถูกต้อง ชัดเจน และสม่ำเสมอ คุณจึงควรเลือกใช้ให้ถูกต้องตามจุดประสงค์ของช่องทางหรือเครื่องมือนั้นๆ
วางกลยุทธ์ในการทำงานร่วมกันที่เหมาะสำหรับทุกคน
การวางกลยุทธ์และเลือกใช้โซลูชันที่เหมาะสม จะช่วยให้ทีมงานของคุณสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการจัดประชุมทีมเพื่ออัปเดตงาน การกำหนดเวลาในการโต้ตอบและการทำงานให้ยืดหยุ่น และการกำหนดวาระการประชุมบนแพลตฟอร์มสื่อสารให้ชัดเจน จะช่วยปรับปรุงการทำงานและการประสานงานให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงเสริมสร้างความสัมพันธ์ภายในทีมให้แน่นแฟ้นยิ่งกว่าที่เคย โดยเมื่อผู้คนและเทคโนโลยีสามารถอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว ทั้งสองส่วนจะช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายและความสำเร็จในการทำงานได้ในที่สุด
นำเทคโนโลยี Hybrid Workplace มาใช้งาน
เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถช่วยงานในด้านต่างๆ เช่น ช่วยทำงานที่ต้องทำซ้ำๆ ให้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วทันใจ หรือเปิดประสบการณ์ใหม่ในการทำงาน การประชุม หรือการทำโปรเจกต์ร่วมกัน เพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศที่ดีภายในทีม โซลูชันอย่าง Hybrid Workplace จากริโก้ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและการทำงานที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี สามารถคงประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยให้ผู้คนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและเชื่อมโยงถึงกัน และสร้างบรรยากาศในการทำงานเพื่อคนทุกคน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และไม่เลือกปฏิบัติ
เลือกเทคโนโลยีที่ใช่ ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม
เทคโนโลยีที่ใช่คือหัวใจของความสำเร็จในการสร้าง Hybrid Workplace เมื่อพนักงานมีเทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสมอยู่ในมือ การทำงาน ติดต่อสื่อสาร และปฏิบัติงานร่วมกันจะเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าพวกเขาจะทำงานในหรือนอกออฟฟิศก็ตาม
สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้พนักงานทุกคนได้รับโอกาสและได้มีส่วนร่วมในความสำเร็จขององค์กรอย่างเท่าเทียมกัน
การดูแลความเป็นอยู่ที่ดีและสุขภาพจิตของพนักงาน
ชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานเป็นสิ่งหนึ่งที่องค์กรควรให้ความสำคัญ โดยจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งอาจทำให้เส้นแบ่งระหว่างเวลางานกับเวลาส่วนตัวไม่ชัดเจนได้
- ผลกระทบจากการทำงานแบบไฮบริดที่มองไม่เห็น: แม้ว่าการปรับรูปแบบการทำงานให้เป็นแบบไฮบริดจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานของพนักงานได้จริง แต่ในขณะเดียวกันก็อาจกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน รวมถึงอาจทำให้พนักงานรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่สามารถแยกเวลางานออกจากเวลาส่วนตัว และเสี่ยงต่อการ Burnout ได้
เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ นายจ้างจำเป็นต้องเปิดกว้าง ไม่เลือกปฏิบัติ และสร้างพื้นที่ที่พนักงานสามารถพูดคุยและปรึกษาหารือเกี่ยวกับสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ของตนได้อย่างเต็มที่ - สร้างระบบสนับสนุนและช่องทางเข้าถึงการดูแลสุขภาพจิตให้เพียงพอ: การให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของพนักงานถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ สำหรับองค์กร เนื่องจากจะช่วยในการสร้างวัฒนธรรมที่เกื้อหนุนพนักงาน ส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานได้ในภาพรวม รวมถึงพัฒนาสุขภาวะความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานได้อีกด้วย การริเริ่มกิจกรรมต่างๆ เช่น การเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงการให้คำปรึกษา การจัดตั้งวันแห่งการดูแลสุขภาพจิต (mental health day) ประจำสัปดาห์หรือประจำเดือน และกิจกรรมอื่นๆ ช่วยให้องค์กรสามารถดูแลจัดการสุขภาพจิตของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สนับสนุนการสร้าง Work-life Balance: การจัดสรรสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวของพนักงาน (work-life balance) ถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยองค์กรอาจใช้วิธีและกลยุทธ์ต่างๆ เช่น สนับสนุนให้พนักงานใช้เวลาพักเบรกเพื่อมุ่งเน้นผ่อนคลาย รวมถึงส่งเสริมวัฒนธรรมการทำงานที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกันทั้งกายและจิตใจ และให้ความสำคัญกับการสร้างบทสนทนาเกี่ยวกับชีวิตและการทำงานอย่างเข้าอกเข้าใจโดยไม่ตัดสิน (empathic conversation) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ประกอบกับการทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งงานและชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานได้เป็นอย่างดี
สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่นและยอมรับคุณค่าของแต่ละบุคคล
องค์กรที่ต้องการจ้างหรือรักษาบุคลากรที่มีความกระตือรือร้น มีความมุ่งมั่น และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น จำเป็นต้องมีวัฒนธรรมความยืดหยุ่น ซึ่งยอมรับและเห็นคุณค่าของความแตกต่างของแต่ละบุคคล
- การโอบรับความยืดหยุ่น: ในสถานที่ทำงานคือปัจจัยสำคัญในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายในการทำงานยุคปัจจุบัน ซึ่งองค์กรสามารถสร้างความยืดหยุ่นด้วยการวางนโยบายต่างๆ เช่น การให้พนักงานกำหนดชั่วโมงการทำงานได้อย่างยืดหยุ่น (flexible work hours) การประเมินผลการปฏิบัติงานโดยยึดผลลัพธ์ของงานเป็นสำคัญ (outcome-based) และอื่นๆ
- บทบาทของ Inclusivity: ในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริด การโอบรับความแตกต่างหลากหลายโดยไม่เลือกปฏิบัติ (inclusivity) มีรากฐานสำคัญมาจากการทำงานในสำนักงาน โดยหมายถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่สมาชิกในทีมทุกคนรู้สึกมีคุณค่าและเชื่อมโยงกับเป้าหมาย โดยไม่มีใครรู้สึกว่าถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ในสำนักงานก็ตาม
- การวางนโยบายและแนวทางปฏิบัติให้เหมาะสม: การนำวัฒนธรรมแห่งความยืดหยุ่นและครอบคลุมทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติสู่สถานที่ทำงานจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีพลวัตอยู่ตลอดเวลา ช่วยเสริมสร้างความสามัคคีกลมเกลียวกันในทีมงาน และผลักดันให้เกิดการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยองค์กรอาจตั้งโครงการให้คำปรึกษา มีการหมุนเวียนบทบาทของผู้นำ และโอบรับมุมมองและทักษะที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมที่ยืดหยุ่นและครอบคลุมเพื่อคนทุกคน
ถักทออนาคตแห่ง Hybrid Workplace
สถานที่ทำงานแบบไฮบริดที่ออกแบบอย่างลงตัว จะสะท้อนถึงความต้องการของพนักงานอย่างแท้จริง โดยส่งเสริมการเติบโตในงานและนวัตกรรมในอนาคต การนำเทคโนโลยีที่ใช่มาผนวกเข้ากับนโยบายที่เกื้อหนุนพนักงานและสร้างความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในองค์กร จะทำให้ธุรกิจมีสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง
บนเส้นทางการเดินทางสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของคุณ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กรคือการหมั่นตรวจสอบประสิทธิภาพของกลยุทธ์ไฮบริด รวมถึงการปรับเปลี่ยนตามความต้องการ และเฉลิมฉลองในความสำเร็จไปพร้อมกันกับทุกคน โปรดระลึกไว้เสมอว่า กุญแจสำคัญในการสร้างสถานที่ทำงานแบบไฮบริดให้ประสบความสำเร็จคือการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาไปพร้อมกับบุคลากร และการมอบเทคโนโลยีที่สนับสนุนทุกการทำงานของทุกคน
เกี่ยวกับผู้เขียน
Todd Vandenberg - GTM Lead, Hybrid Workplace - Ricoh APAC
เป็นเวลากว่าสองทศวรรษ ที่ Todd Vandenberg ผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานและรูปแบบการทำงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ช่วยธุรกิจให้ก้าวผ่านความท้าทายในการทำงานร่วมกันอย่างซับซ้อนเพื่อบรรลุผลลัพธ์ที่ดี
ในฐานะ Go-To-Market Manager ด้าน Hybrid Workplace ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของริโก้ เขามุ่งมั่นที่จะส่งมอบการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อในสถานที่ทำงาน ระหว่างทีมงาน พื้นที่ทำงาน และสถานที่ต่างๆ
พร้อมที่จะก้าวไปสู่ยุคที่มีสถานที่ทำงานแบบไฮบริดหรือยัง?
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างประสบการณ์การทำงานที่ดีขึ้นด้วยการเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องระหว่างทีมงาน พื้นที่ทำงาน และสถานที่ต่างๆ อย่างไร้ข้อกังวล
ติดต่อเราแหล่งข้อมูลแนะนำสำหรับคุณ
เราจะช่วยให้ทุกคนทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น เมื่อทุกคนทำงานต่างสถานที่แบบไฮบริดได้อย่างไร
ปลดล็อกศักยภาพที่แท้จริงให้กับทีมงานของคุณ มาดูกันว่าในโลกการทำงานแบบไฮบริด โซลูชันเพื่อการทำงานร่วมกันจะช่วยให้ผู้คนที่ทำงานต่างสถานที่กันสามารถสื่อสารระหว่างกัน ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกันได้อย่างไร
วิธีปกป้องสถานที่ทำงานดิจิทัลของคุณจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์
เรียนรู้วิธีปกป้องสถานที่ทำงานดิจิทัลของคุณจากการโจมตีทางไซเบอร์ เพื่อปกป้องข้อมูล ชื่อเสียง และธุรกิจของคุณ
ออกแบบ Hybrid Workplace อย่างไรให้ทำงานได้จริง
เผยกลเม็ดเคล็ดลับในการสร้างสถานที่ทำงานแบบไฮบริดที่ครอบคลุมทุกการทำงานสำหรับทุกคน เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงาน และทำให้พนักงานมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น