อนาคตของการทำงาน - โอกาสที่เราต้องคิดทบทวน

02 พ.ย. 2563

ทีมผู้นำขององค์กรต่างก็ต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่และรวดเร็ว

ไม่มีอะไรที่ขับเคลื่อนความคล่องตัวได้มากไปกว่าความเร่งรีบ และไม่มีอะไรที่ผลักดันความคล่องตัวได้เหมือนเทคโนโลยี ในตอนนี้ ผู้นำทางด้านธุรกิจจะต้องตัดสินใจในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป

เอาจริงเอาจังกับธุรกิจ

ผู้นำมักจะพบว่าตัวเองตกอยู่ในวังวนของเวลา ต้องพบเจอกับอุปสรรคที่ไม่คาดคิด แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมองเห็นโอกาส การหาหนทางไปสู่ความสำเร็จให้กับธุรกิจนั้นอาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่คนที่กล้าเผชิญกับความท้าทายและต่อสู้ได้อย่างแข็งแกร่งจะสามารถทำเช่นนั้นได้

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เพราะเพียงการกลับไปเป็น “ธุรกิจแบบเดิมๆ” อาจทำให้พวกเขาต้องล้าหลังเทรนด์ธุรกิจในอนาคตที่กำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เทรนด์ที่กำลังพุ่งแรงนี้ได้รับการขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีและความคาดหวังของทั้งลูกค้าและพนักงาน

ดังนั้น ผู้นำจำเป็นจะต้องวางแผน เพื่อที่จะสร้างอนาคตที่สดใสขององค์กร กลยุทธ์สุดท้ายจะต้องมุ่งเน้นไปที่การผลักดันธุรกิจไปข้างหน้ายังจุดที่เชื่อว่าธุรกิจนั้นควรจะเป็น แต่ความเชื่อนั้นควรเป็นอะไร

 

 

มุ่งสู่อนาคตของการทำงาน

ผู้นำควรมุ่งที่จะเก็บเกี่ยว Mindset ขององค์กรที่ได้มีการรับมาและแสดงออกในช่วงวิกฤต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจที่จะเปิดรับการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้องค์กรก้าวไปสู่การทำงานจากทางไกลในช่วงเวลาสั้นๆ

ดังนั้น Mindset เดียวกันจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความคิดริเริ่มและโอกาส และในอนาคต แรงงานที่เป็นคนที่มีความคล่องตัว มีความยืดหยุ่น และปรับตัวได้ง่ายจะเป็นที่ต้องการ

โอกาสในการคิดทบทวน

แล้วอนาคตคืออะไร ความคิดที่ว่าพนักงานทุกคนจะต้องเดินทางไปกลับออฟฟิศทุกวันดูเป็นเรื่องที่ล้าสมัยไปแล้ว รวมถึงการที่ผู้จัดการจะต้องเห็นพนักงานนั่งทำงานที่โต๊ะถึงจะเชื่อได้ว่าพวกเขากำลังทำงานอยู่ก็เป็นเรื่องที่พูดกันบ่อยเกินไป เราได้ก้าวไปไกลกว่ามุมมองแบบเดิมๆ แล้ว และน่าจะเริ่มจากสถานที่ทำงานในแบบเดิมๆ

และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็จะรู้สึกสนุก ปลอดภัย และมีสุขภาพที่ดีขึ้น ด้วยการต้องพึ่งพาการ “สัมผัส” แบบเดิมลดลง พวกเขาจะใช้เทคโนโลยีที่เป็นเวอร์ชวลมากขึ้น ทำให้ทุกอย่างสามารถเข้าถึงได้จากทางไกลด้วยอุปกรณ์พกพา เสียง หรือการสแกนตัวตน

เร่งให้เกิดระบบอัตโนมัติและแมชชีน เลิร์นนิ่ง

ในขณะที่สถานที่ทำงานที่มีความหลากหลายกำลังก่อตัวขึ้น ผู้นำควรที่จะคิดถึงกระบวนการทางธุรกิจและวิธีการปฏิบัติที่ใช้อยู่ในปัจจุบันว่ามีการจัดการ ส่ง หรือใช้ข้อมูลในองค์กรอย่างไร และกระบวนการที่ยังใช้ระบบแมนวลและการใช้แรงคนจะสามารถทำให้เป็นระบบอัตโนมัติได้อย่างไร

การเร่งการใช้งานระบบอัตโนมัติในองค์กรจะช่วยสนับสนุนโครงสร้างการดำเนินงานที่มีความหลากหลายและยกระดับความสามารถในการทำงานจากทางไกล โอกาสในการขจัดการทำงานซ้ำๆ และใช้แมชชีน เลิร์นนิ่งเพื่อทำให้กระบวนการทำงานหลักเป็นอัตโนมัติจะสร้างโอกาสและข้อได้เปรียบใหม่ๆ ให้กับองค์กร

ระบบการทำงานที่ซับซ้อนสามารถที่จะไปด้วยกันกับพนักงานได้ นั่นก็คือ การทำให้พวกเขามีเวลาในการโฟกัสกับความช่างคิดและทักษะการแก้ปัญหา เพื่อสร้างโอกาสให้กับธุรกิจของคุณ ด้วยเวลาที่มีมากขึ้น พวกเขาสามารถที่จะเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต เพื่อเอาชนะช่องว่างทางด้านทักษะดิจิทัลและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ในตอนนี้คือเวลาที่เราจะต้องมองระบบอัตโนมัติและประโยชน์ที่ได้รับอย่างจริงจัง

มองหาพาร์ทเนอร์ที่มีความรู้

ความเข้าใจในโอกาสและความเป็นไปได้ถือเป็นกุญแจสำคัญของอนาคตองค์กร การทำสิ่งเหล่านี้อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าที่เคยเป็น ซึ่งจะทำให้องค์กรของคุณอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องที่นำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า

การมองหาการซัพพอร์ตและความคิดจากพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพลิกโฉมสถานที่ทำงานเป็นสิ่งจำเป็น พวกเขาจะช่วยให้คุณคิดคำถามที่เหมาะสมและดูว่าสิ่งใดที่เป็นไปได้ ในเวลาใด และอย่างไร

พาร์ทเนอร์ที่เหมาะสมจะมีทักษะตั้งแต่การให้คำปรึกษาเบื้องต้น ไปจนถึงการวางแผนและนำเทคโนโลยีไปใช้จริง พวกเขาจะทำงานอย่างไม่มีอคติและให้ความร่วมมือ การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีและโซลูชันรายใหญ่จะช่วยแนะนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด

การมีข้อมูลเชิงลึกที่พร้อม คุณสามารถที่จะสร้างการพลิกโฉมองค์กรที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงาน สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อ และสร้างกิจกรรม CSR ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางด้านธุรกิจ

แต่เหนือสิ่งอื่นใด องค์กรจะต้องมีความพร้อมในการเผชิญความท้าทายและการแข่งขันในวันต่อๆ ไป