4 ปัจจัยสำคัญของโมเดลการทำงานแบบไฮบริดที่ประสบความสำเร็จ
โลกใบใหม่ของการทำงาน
การระบาดใหญ่ในปี 2563 เป็นตัวเร่งให้ธุรกิจต่างๆ ก้าวเข้าสู่การทำงานแบบ Digital Workplace อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันมันก็เป็นเรื่องของการเอาตัวรอดด้วย ทำให้ในตอนนี้ธุรกิจต่างๆ มีโอกาสที่จะประเมิน Digital Workplace ของพวกเขาได้อย่างมีกลยุทธ์ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเชื่อมต่อกันมากขึ้น มีประสิทธิผล คล่องตัว แข่งขันได้ และปลอดภัยยิ่งขึ้น
เราได้พูดคุยกับลูกค้าของเราเกี่ยวกับปัญหาที่พวกเขาเผชิญ และเรายังคงรับฟังความต้องการของพวกและทำความเข้าใจอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับเรื่องของโซลูชัน ในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดใหม่นี้ ธุรกิจจำเป็นที่จะต้องรับเอาเทคโนโลยีคลาวด์ที่ปลอดภัย ระบบและแอปพลิเคชันแบบบูรณาการ และเวิร์กโฟลว์ดิจิทัลแบบอัตโนมัติเพื่อสร้างประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ยืดหยุ่นและราบรื่นที่สามารถใช้งานได้จากทุกที่มาใช้งาน โดยในทีนี้เราจะพูดถึงเรื่อง Remote Work, Process Automation, Cloud & IT Infrastructure, และ Smart and Safe Workplace
ช่วยให้พนักงานไฮบริดและรีโมตเชื่อมต่อและเกิดประสิทธิผลได้จากทุกที่
- เชื่อมต่อกับข้อมูลสำคัญอย่างปลอดภัย
- รักษากระบวนการทางธุรกิจที่สำคัญ
- ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
สร้างความคล่องตัวให้กับกระบวนการทางธุรกิจที่สำคัญ
- สร้างโฟลว์ข้อมูลอัตโนมัติที่รวดเร็ว
- เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการลดงานแมนนวลและกระบวนการที่อยู่ในรูปแบบกระดาษ
- เพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงานและประสบการณ์ของลูกค้า
เพิ่มความคล่องตัว เสริมสร้างประสิทธิผล พร้อมปกป้องข้อมูล
- ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัย
- ทำให้การจัดการด้านไอทีและความต่อเนื่องทางธุรกิจเป็นอย่างง่ายดาย
- เพิ่มความพร้อมใช้งานและการเข้าถึงข้อมูลและแอปพลิเคชันจากระยะไกล
เพิ่มประสิทธิภาพออฟฟิศสำหรับพนักงานไฮบริดของคุณ
- ปฏิบัติตามแนวทางด้านสุขภาพและความปลอดภัย
- สร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีแบบบูรณาการ
- ปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ
Remote Work
การทำงานแบบรีโมตเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
หากถามว่าการ Work from home จะยังมีต่อไปหรือไม่ คำตอบก็คืออาจเป็นไปได้สำหรับบางแห่ง ธุรกิจหลายๆ แห่งหลีกเลี่ยงการทำงานแบบรีโมตอย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตามบริษัทส่วนใหญ่ถึง 83% ต่างเห็นว่าการทำงานแบบรีโมตนั้นประสบความสำเร็จ ซึ่งในอนาคตต่อไปข้างหน้าองค์กรจำนวนมากก็น่าจะรับเอารูปแบบการทำงานไฮบริดที่มีความยืดหยุ่นมากกว่ามาปรับใช้
เตรียมความพร้อมพนักงานสู่ความสำเร็จ
ทีมที่ทำงานทั้งแบบไฮบริดและรีโมตนั้นจำเป็นต้องเชื่อมต่อถึงกันและเกิดประสิทธิผลในการทำงาน รวมถึงรักษาประสิทธิภาพการสื่อสารและการทำงานร่วมกันในขณะที่ยังรักษาธุรกิจให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามทางไซเบอร์และการสูญหายของข้อมูล แอปพลิเคชันเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในรูปแบบคลาวด์เบสนั้นเป็นอีกหนึ่งทางออก ทำให้ธุรกิจสามารถจัดหาเครื่องมือที่ได้รับการพิสูจน์แล้วสำหรับทีมที่ทำงานแบบรีโมตและช่วยควบคุมการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันในเรื่องสถานที่ เวลา และผู้ใช้งาน นอกจากนี้แอปพลิเคชันเหล่านี้ยังช่วยให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทจากอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่บริษัทออกให้หรืออุปกรณ์ส่วนตัวก็ตาม
ปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงถึงสำหรับการทำงานแบบไฮบริด
- ใช้แอปพลิเคชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและการทำงานร่วมกันสำหรับการประชุมทางวิดีโอ การประชุมทั่วไปและแช็ต
- จัดเตรียมพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์สำหรับการเข้าถึงและแชร์ไฟล์
- ให้ความสำคัญกับแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัย เช่น การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย (Multi-factor Authentication)
- ปกป้องข้อมูลธุรกิจและลูกค้าด้วยการดูแลรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลและอุปกรณ์ของบริษัท
Process Automation
การใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์มากขึ้นในการทำงานแบบรีโมตทำให้คุณสามารถคิดทบทวนเกี่ยวกับกระบวนการทำงานที่ทำเป็นประจำทุกวัน เช่น การออกใบแจ้งหนี้ การบัญชี และการจัดการบันทึก ในช่วงแรกเริ่มที่หลายธุรกิจยังคงพึ่งพาการทำงานบนเอกสารที่เป็นกระดาษนั้นพวกเขาต่างต้องเผชิญกับความท้าทายและปัญหามากมาย
ในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดที่ประสบความสำเร็จนั้น กิจกรรมต่างๆ ในการทำงานของทีมรีโมตและทีมพนักงานที่ทำงานแบบ On-site จะต้องได้รับการบูรณาการอย่างราบรื่น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการเข้าถึงข้อมูลได้ทันทีและปลอดภัย รวมถึงความสามารถในการจัดเก็บและแชร์ข้อมูลได้อย่างง่ายดาย
การไหลเวียนของข้อมูลเป็นกุญแจสำคัญต่อทั้งประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานและความพึงพอใจของลูกค้า เหมือนที่เราได้เห็นในอดีต การหยุดชะงักครั้งใหญ่สามารถส่งผลกระทบร้ายแรงต่อธุรกิจ ซึ่งผู้ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อลดความซับซ้อนและเร่งกระบวนการการทำงานก็อาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุด
เอกสารดิจิทัลและเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติเป็นรากฐานของ Digital Workplace ที่จะช่วยให้ทีมที่ทำงานแบบรีโมตสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำให้งานรูทีนที่คุณทำเป็นประจำนั้นอยู่ในรูปแบบอัตโนมัติจะช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น ช่วยให้พนักงานของคุณโฟกัสกับเรื่องที่สำคัญกว่า
ประโยชน์สำคัญของ Process Automation
- เข้าถึงข้อมูลได้ทันทีสำหรับทั้งทีมที่ทำงาน on-site และทีมรีโมต
- เร่งขั้นตอนการทำงานแบบรูทีนและลดข้อผิดพลาด
- รวมศูนย์การค้นหา จัดเก็บ และเข้าถึงเอกสาร
- ง่ายต่อการปรับใช้และรวมเข้ากับแอปพลิเคชันทางธุรกิจอื่นๆ
Cloud & IT Infrastructure
การเปลี่ยนแปลงการทำงานแบบปกติสู่การทำงานแบบรีโมตในช่วงข้ามคืนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน ส่งผลให้ธุรกิจต้องเปลี่ยนวิธีดำเนินงานอย่างกะทันหัน ซึ่งในตอนนั้นธุรกิจต่างๆ คำนึงถึงเพียงแค่การทำให้งานเดินต่อไป หัวหน้าไอทีทำในสิ่งที่พวกเขาทำได้ในตอนนั้นเพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้จากที่บ้านและเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องทางธุรกิจต่อไป เมื่อองค์กรประเมินแผนใหม่สำหรับพนักงานที่ทำงานแบบรีโมตและไฮบริดจะทำให้องค์กรรับรู้ได้เลยว่าโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่แข็งแรงนั้นเป็นสิ่งจำเป็น
องค์กรที่มองการณ์ไกลได้เร่งการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีเก่าสู่การใช้โซลูชันบนคลาวด์เพื่อเปลี่ยนการรักษาความปลอดภัยและการจัดการไอทีอย่างคุ้มค่า หลายธุรกิจใช้โมเดลไฮบริดเพื่อเป็นตัวเชื่อมระหว่างสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์และ On-premise การย้ายไปใช้งานคลาวด์นั้นเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการปรับปรุงแอปพลิชันและโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัย ในขณะที่เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของการทำงานแบบรีโมตท่ามกลางภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจจะได้ประโยชน์จากต้นทุนฮาร์ดแวร์และการบำรุงรักษาที่น้อยลง ในขณะที่ทำให้องค์กรมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
เสริมสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจ
ความต่อเนื่องทางธุรกิจนั้นขึ้นอยู่กับการดำเนินการตามแผนสำหรับทั่วทั้งธุรกิจเพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินธุรกิจที่สำคัญจะยังคงดำเนินการต่อไปได้อย่างน่าเชื่อถือและปลอดภัยในกรณีที่เกิดการหยุดชะงัก กลยุทธ์ด้านคลาวด์เป็นส่วนสำคัญของแผนการนี้ สำหรับ Digital Workplace ที่ประสบความสำเร็จนั้นข้อมูลสำคัญรวมถึงแอปพลิเคชันจะถูกสำรองข้อมูลไว้ในระบบคลาวด์ และสามารถกู้คืนได้อย่างรวดเร็ว ทีมที่ทำงานแบบรีโมตสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้โดยง่ายไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ประโยชน์หลักๆ ของโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่เน้นระบบคลาวด์
- ไม่ต้องลงทุนล่วงหน้า
- รองรับการทำงานแบบรีโมตและการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
- เพิ่มความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูล
- เพิ่มความสามารถในการปรับสเกลและความคล่องตัวทางธุรกิจ
- ลดความซับซ้อนของการกู้คืนระบบจากความเสียหาย
- ลด Carbon footprint
Smart & Safe Workplace
จากเทรนด์ปัจจุบันและข้อมูลจากลูกค้าของเรา โลกการทำงานใบใหม่นั้นก็คือโลกของ “ไฮบริด” สำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างความมั่นใจและทำให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุดด้วยการสร้าง Smart and Safe Workplace กล่าวคือ สถานที่ทำงานดิจิทัลที่ประกอบด้วยพื้นที่ทำงานที่ชาญฉลาดและคล่องตัว ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงที่สนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานและผู้เยี่ยมชมในสถานที่
ประโยชน์ที่สำคัญของนโยบายการทำงานแบบรีโมตและไฮบริด
- ประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานเพิ่มมากขึ้นถึง 87% เมื่อพวกเขาทำงานที่บ้าน
- 70% ของพนักงานมีความพึงพอใจต่องานมากขึ้นตั้งแต่มีการใช้โมเดล Work from home
- 83% ของพนักงานกล่าวว่าหากสามารถเลือกได้พวกเขาจะเลือกโมเดลการทำงานแบบไฮบริด
Digital Workplace สำหรับพนักงานไฮบริด
สถานที่ทำงานที่ปรับตัวให้เข้ากับโมเดลการทำงานแบบไฮบริดจะช่วยสนับสนุนความปลอดภัยของพนักงานที่ทำงานแบบ Onsite รวมถึงประสิทธิภาพการทำงานและการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องของพนักงานแบบไฮบริดด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญต่อธุรกิจได้อย่างปลอดภัยจากทุกที่ เทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยให้ธุรกิจของคุณ
- ทำให้การจัดการเอกสารและการแคปเจอร์ข้อมูลสำคัญอยู่ในรูปแบบอัตโนมัติ
- จัดการและตรวจสอบผู้ที่เข้า-ออกในอาคารและปรับปรุงกระบวนการด้วยการสร้างและจัดเก็บบันทึกการคัดกรองโดยอัตโนมัติ
- ใช้การควบคุมแบบ Touchless และเวิร์กโฟลว์ One-touch ที่จะเปลี่ยนเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชันให้เป็นศูนย์กลางการสื่อสารแบบบูรณาการ
สภาพแวดล้อมการทำงานที่ปรับเปลี่ยนได้และเวิร์กโฟลว์ทางกายภาพและดิจิทัลที่เชื่อมต่อกันอย่างราบรื่นคือจุดเด่นของการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จ ริโก้เป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจต่างๆ สำหรับทุกขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง เพื่อวางแผนและวางกลยุทธ์สำหรับความต้องการทางธุรกิจของแต่ละองค์กรด้วยขั้นตอนที่นำไปปฏิบัติได้จริงเพื่อนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้และให้บริการและการสนับสนุน
ที่มา : eBook - The 4 Essentials of a Successful Hybrid Work Model
News & Events
Keep up to date
- 09ธ.ค.
ลงทะเบียนฟรี งานสัมมนาออนไลน์จากริโก้ Beyond the Limits: Cloud-Powered Security, Networks, and Data Analytics
- 06ธ.ค.
ริโก้ประเทศไทยได้รับโล่ผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองเครื่องหมายฉลากเขียวของผลิตภัณฑ์เครื่องถ่ายเอกสารต่อเนื่องมากกว่า 20 ปี พร้อมเกียรติบัตรผู้ได้รับการรับรองฉลากเขียวประจำปี จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI)
- 04ธ.ค.
ริโก้ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน "นายจ้างยอดเยี่ยมแห่งเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2025" โดย Financial Times
- 14พ.ย.
เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน IM C320F จากริโก้คว้ารางวัล Pick Award ประจำปี 2567 จาก Keypoint Intelligence