การขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อพลิกโฉมองค์กรในโลกแห่งการทำงานยุคใหม่

12 เม.ย. 2566

การสร้างวัฒนธรรมในองค์กรให้มุ่งพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คุณคิด ในปัจจุบัน วิธีการทำงานมีความซับซ้อนมากกว่าในอดีต แถมวิธีการมองข้อมูลของเราก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นี่เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างที่กระทบองค์กรทุกขนาดและทุกภาคอุตสาหกรรม และแม้เทคโนโลยีที่เคยเป็นองค์ประกอบสำคัญลำดับต้นๆ ที่ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ แต่ในวันนี้ เราควรโฟกัสที่กระบวนการทำงาน การแชร์ข้อมูล และการทำงานร่วมกันมากกว่า 

ด้วยสภาพการทำงานดังกล่าวทำให้หลายองค์กรเดินหน้าสู่ความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เป็นระบบ แต่อย่างไรก็ตาม องค์กรบางแห่งก็มีความสามารถที่โดดเด่นในการตรวจจับ เปลี่ยนแปลง และจัดการกับข้อมูลทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ที่ริโก้ เราเรียกความสามารถว่า ความคล่องตัวของข้อมูล สิ่งนี้ถือเป็นรากฐานของความสำเร็จในโลกแห่งการทำงานยุคปัจจุบัน และยังเป็นกุญแจสำคัญสู่การพัฒนานวัตกรรม องค์กรที่ต้องการพัฒนานวัตกรรมต้องวิเคราะห์ก่อนว่าข้อมูลในองค์กรไหลเวียนอย่างไร และจะใช้ข้อมูลที่ได้มาเพื่อประกอบการตัดสินใจด้านธุรกิจอย่างไร 

ข้อมูลคือหัวใจของนวัตกรรม 

หากการเปลี่ยนแปลงภายนอกก้าวหน้ากว่าการเปลี่ยนแปลงภายใน จุดจบก็ใกล้เข้ามาแล้ว - Jack Welch 

การทำความเข้าใจว่าข้อมูลในองค์กรไหลเวียนอย่างไร เป็นหัวใจของการควบคุมและการใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและผลักดันความสำเร็จของธุรกิจ 

วงจรของข้อมูลเริ่มด้วยการสร้างสรรค์ข้อมูล ไม่ว่าจะด้วยการรวบรวมไอเดียจากผู้ที่เกี่ยวข้องภายในองค์กร หรือจากภายนอกองค์กร จากนั้นข้อมูลจะผสมผสานกับค่านิยมทางธุรกิจขององค์กร และเปลี่ยนแปลงไปเมื่อถูกส่งต่อกันเป็นทอดๆ และสุดท้ายข้อมูลจะต้องถูกส่งต่อไปในเวลา สถานที่และรูปแบบที่เหมาะสม กระบวนการเหล่านี้ทำให้ข้อมูลมีประโยชน์ต่อผู้รับ โดยช่วยให้พวกเขาตัดสินใจในประเด็นทางธุรกิจได้ดีขึ้น ขั้นตอนนี้เรียกว่า ระยะการจัดการ (Manage Phase) 

จากประสบการณ์ที่เราได้ร่วมงานกับองค์กรหลายแห่ง พบว่ายิ่งการไหลเวียนของข้อมูลมีปัญหามากเท่าไร กระบวนการส่งต่อข้อมูลจะยิ่งสับสนมากขึ้นเท่านั้น  ซึ่งจะนำไปสู่การได้มาของข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้ข้อมูลกระจัดกระจาย และความเสี่ยงของธุรกิจอาจเพิ่มขึ้น ประเด็นนี้จะซับซ้อนไปอีกขั้นเมื่อองค์กรเน้นใช้งานระบบข้อมูลที่คล่องตัว โดยข้อมูลจะถูกจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึงแหล่งข้อมูลดังกล่าวได้ในเวลาเดียวกัน 

ประเด็นเหล่านี้จะรุนแรงขึ้น เมื่อองค์กรต้องเผชิญกับความท้าทายจากภายนอก เช่น รูปแบบการทำงานและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การแข่งขันและคู่แข่งที่มีความคล่องตัวมากขึ้น และความจำเป็นในการตรวจสอบกฎข้อบังคับต่างๆ ที่ละเอียดมากขึ้น หากองค์กรต้องการสร้างวัฒนธรรมที่สนับสนุนนวัตกรรม ก็ควรทลายอุปสรรคและเปิดรับกระบวนการส่งต่อข้อมูลที่สามารถปรับใช้ทั่วทั้งองค์กร ซึ่งเป็นวิธีการที่มีข้อดีมากมาย 

ไม่มีความท้าทายใดยากเกินไป 

ในองค์กรที่ประสบความสำเร็จ ข้อมูลก็คือนวัตกรรม ซึ่งมีความคล่องตัวของข้อมูลเป็นทางผ่าน 

แน่นอนว่า อุปสรรคมากมายในองค์กรอาจขัดขวางการเปลี่ยนแปลง เช่น ข้อมูลในบริษัทอาจเก็บอยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้ หรือองค์กรมีทรัพยากรจำกัด ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ คุณอาจจะถูกบีบบังคับให้ใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นเมื่อ 10 หรือ 20 ปีที่แล้วในการตอบรับความท้าทายของธุรกิจในปัจจุบัน หรือคุณกำลังพยายามอย่างหนักที่จะรักษาพนักงานไว้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงในองค์กรหรือการปรับตัวเข้าหารูปแบบการทำงานใหม่ๆ ไม่ว่าอุปสรรคของคุณจะเป็นอะไรก็ตาม กลยุทธ์ความคล่องตัวของข้อมูลที่แข็งแกร่ง เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนผ่านองค์กรให้เปิดรับนวัตกรรม โดยองค์กรต้องผลักดันประเด็นต่างๆ ดังนี้ 

  • ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันระหว่างแผนก ให้การทำงานเป็นหนึ่งเดียว 
  • ปกป้ององค์กรด้วยการใช้แผนความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลที่แข็งแกร่ง 
  • ผสานการทำงานระหว่างอุปกรณ์เคลื่อนที่และแอปพลิเคชันที่สนับสนุนกระบวนการทำงาน 
  • ใช้เทคโนโลยีที่สามารถแปลงเอกสารให้เป็นดิจิทัลและลดการใช้กระดาษ ออกแบบพื้นที่ทำงานใหม่เพื่อรองรับทำงานร่วมกัน 
  • ใช้บริการคลาวด์ให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดตามความต้องการขององค์กร 
  • ปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานจากระยะไกล แชร์ข้อมูล และทำงานร่วมกันได้ 

ทั้งองค์กรต้องสนับสนุนความคล่องตัวของข้อมูล เพื่อผลักดันการพัฒนาองค์กร ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะบรรลุจุดประสงค์นี้ แต่หากคุณหาพาร์ทเนอร์ที่เชื่อถือได้ และให้พวกเขาวิเคราะห์กลยุทธ์ความคล่องตัวขององค์กร โดยข้อดีของการสนับสนุนนวัตกรรมผ่านความคล่องตัวของข้อมูลนั้นเห็นได้ชัดเจน งานวิจัยเผยว่ากลยุทธ์นี้สามารถเพิ่มรายได้ให้องค์กรโดยเฉลี่ย 7,210 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อพนักงานหนึ่งคน อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน 42% และลดค่าใช้จ่ายได้ด้วย 

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณจะได้รับหากคุณปรับใช้นวัตกรรมในองค์กร 

Driving Innovation

ที่มา:  RICOH USA