Ricoh: 25 ปีแห่งนวัตกรรมและความเป็นเลิศ

03 ม.ค. 2568

Ricoh ก่อตั้งขึ้นในปี 1936 โดยคุณคิโยชิ อิชิมูระ โดยเติบโตจากการเป็นธุรกิจขนาดเล็กจนกลายมาเป็นผู้นำระดับโลกในด้านอุปกรณ์สำนักงานและบริการดิจิทัล เริ่มต้นจากการผลิตกล้องและเครื่องแฟกซ์ความเร็วสูง ไปจนถึงเครื่องพิมพ์ดิจิทัล จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้บริษัทฯประสบความสำเร็จในการค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆ ตั้งแต่การเป็นผู้นำในการผลิตเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชัน ไปจนถึงการพัฒนาโซลูชัน IT และซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย การเดินทางของริโก้สะท้อนถึงการแสวงหาความเป็นเลิศอย่างไม่หยุดยั้งและความมุ่งมั่นในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสถานที่ทำงานทั่วโลก ในปัจจุบัน ริโก้มีสำนักงานใหญ่อยู่ในโตเกียว และมีการดำเนินงานทั่วโลก รวมถึงมีพนักงานรวมกันมากกว่า 107,000 คน ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน โซลูชันของเราจะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของคุณไปข้างหน้าได้อย่างมีเสถียรภาพ

การก่อตั้งริโก้ในประเทศไทย

การขยายธุรกิจของริโก้สู่ประเทศไทยเป็นจุดหมายสำคัญในเส้นทางการเติบโตของบริษัทในระดับนานาชาติ โดยสอดคล้องกับพันธกิจของริโก้ ริโก้ประเทศไทยมุ่งเน้นการเสริมสร้างขุมพลังให้กับธุรกิจต่างๆ โดยการนำเสนอวิธีแก้ปัญหา และนวัตกรรมที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะตัวของตลาดในประเทศไทย ไม่เพียงเท่านั้น แต่การมีอยู่ของบริษัทในประเทศไทยนั้นยังเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมวัฒนธรรมของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมอีกด้วย โดยริโก้ ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพ และปรับปรุงประสบการณ์ในสถานที่ทำงาน

พันธกิจ วิสัยทัศน์ และค่านิยมของริโก้

หัวใจของการดำเนินงานของริโก้คือพันธกิจหลักในการเสริมสร้างพลังให้บุคคลสามารถ “เติมเต็มความสำเร็จผ่านการทำงาน” ซึ่งปรัชญานี้มีรากฐานลึกซึ้งมาจาก Ricoh Way ที่สะท้อนถึง "จิตวิญญาณแห่งความรักสามประการ" ที่ผู้ก่อตั้งได้บัญญัติขึ้น ได้แก่ "รักเพื่อนมนุษย์," "รักประเทศของคุณ," และ "รักงานของคุณ" หลักการเหล่านี้เป็นแนวทางในการวางกลยุทธ์ของบริษัทที่ส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรม การร่วมมือกัน และความมุ่งมั่นต่อสุขภาวะทางสังคม

นอกจากนั้น ขอบเขตวิสัยทัศน์ของริโก้ยังขยายใหญ่ไปเกินกว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ริโก้มีความมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของผู้คน ปลดล็อกศักยภาพทางความคิดสร้างสรรค์ และสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน แต่ยังช่วยให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือการส่งเสริมการสื่อสารที่ราบรื่นในสถานที่ทำงาน

เหตุการณ์สำคัญตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ประวัติของริโก้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมและความมุ่งมั่นที่ไม่เคยหยุดยั้งต่อการให้บริการลูกค้านับตั้งแต่แรกเริ่มธุรกิจจนถึงปัจจุบัน

1930s-1940s: การก่อตั้งและการเติบโตในช่วงเริ่มต้น
  • 1936: บริษัทถูกก่อตั้งขึ้นในชื่อ Riken Kankoshi Co., Ltd. โดยมุ่งเน้นไปที่ผลิจภัณฑ์กระดาษเคลือบสารไวแสง หรือกระดาษถ่ายรูป
  • 1938: Ricoh เปิดตัวกล้องรุ่นแรก "Ricohflex"
1950s-1960s: การขยายธุรกิจสู่การผลิตอุปกรณ์สำนักงาน
  • 1950s: เปิดตัว Ricopy 101 เครื่องถ่ายเอกสารแบบเปียกสำหรับการทำสำเนาพิมพ์เขียว ชนิดตั้งโต๊ะ
  • 1960s: เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Ricoh Company, Ltd. และขยายสายการผลิตผลิตภัณฑ์ ซึ่งรวมไปถึงเครื่องถ่ายเอกสารแบบไฟฟ้าสถิต, เครื่องแฟกซ์ความเร็วสูง และเครื่องทำสำเนาดิจิทัล
1970s-1990s: นวัตกรรมทางเทคโนโลยี
  • 1970s: พัฒนาและเปิดตัว “RICOM 8” คอมพิวเตอร์สำนักงานเครื่องแรก และ “RIFAX 600S” เครื่องแฟกซ์ความเร็วสูงสำหรับสำนักงาน รวมถึง “RICOPY DT1200” เครื่องถ่ายเอกสารแบบเปียกที่ต่อมากลายเป็นเครื่องถ่ายเอกสารที่ขายดีที่สุดในโลก
  • 1980s: เปิดตัวเครื่องถ่ายเอกสารแบบแห้ง “RICOPY FT4060” และเครื่องถ่ายเอกสารสีอะนาล็อกเครื่องแรก "RICOH COLOR 5000"  ในช่วงปลายปี 1980s ยังมีการเปิดตัวเครื่องแฟกซ์ดิจิทัล ISDN G4 เครื่องแรกของโลก ในชื่อรุ่น “RIFAX D7000” อีกด้วย
  • 1990s: เปิดตัว ARTAGE 8000 เครื่องถ่ายเอกสารสีดิจิทัลเครื่องแรกของริโก้ ตามมาด้วยกล้องดิจิทัลเครื่องแรกของริโก้ รุ่น Ricoh DC-1 และในปี 1996 ได้มีการเปิดตัวเครื่องถ่ายเอกสารดิจิทัลที่ประหยัดพื้นที่และราคาต่ำ ในชื่อรุ่น “imagio MF200” รวมถึงมีการผลิตแผ่น CD-RW
2000s: การเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์และวิวัฒนาการของผลิตภัณฑ์
  • 2001: เข้าซื้อกิจการ Lanier Worldwide บริษัทการตลาดอุปกรณ์ OA ในสหรัฐฯ และขยายกิจการไปทั่วโลก
  • 2004: เข้าซื้อกิจการ Hitachi Printing Solutions, Ltd. ก่อให้เกิดเป็น Ricoh Printing Systems, Ltd. ในเวลาต่อมา
  • 2009: เปิดตัวเครื่องถ่ายเอกสารดิจิทัลแบบฟูลคัลเลอร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ รุ่น "imagio MP C3500RC/C2500RC series" และผลิตโทนเนอร์ชีวมวลรุ่นแรกของโลก เพื่อนำมาใช้กับเครื่องรุ่น "imagio MP 6001GP" ในญี่ปุ่น
2010s-ปัจจุบัน: นวัตกรรมและความยั่งยืน
  • 2011: ริโก้เปิดตัวโปรเจคเตอร์ที่เล็กที่สุดและเบาที่สุดในโลก รุ่น “IPSiO PJ WX4130N/WX4130”
  • 2012: เปิดตัว Brand Message ใหม่ “imagine. change.” และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน “100 ผู้สร้างนวัตกรรมระดับโลกประจำปี 2012” โดย Thomson Reuters
  • 2013: เปิดตัว “Ricoh Interactive Whiteboard D5500” และ “RICOH THETA” อุปกรณ์ถ่ายภาพรุ่นแรกของโลกที่สามารถจับภาพได้ครบทุกมุมมอง
  • 2015: ได้รับรางวัล “Excellence Award for Business and Biodiversity” จาก WWF Japan และถูกบันทึกในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม พร้อมกับเปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3D รุ่นแรกของริโก้ รุ่น RICOH AM S5500P
  • 2017: ริโก้ให้คำมั่นที่จะพึ่งพาพลังงานทดแทนให้ได้ 100% ภายในปี 2050 และกลายเป็นบริษัทญี่ปุ่นแห่งแรกที่เข้าร่วม RE100 (โครงการด้านพลังงานหมุนเวียนระดับโลก)
  • 2019: เปิดตัวชุดเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชัน MFP รุ่น RICOH IM C ซึ่งเป็นเครื่องถ่ายเอกสารที่ใช้บริการคลาวด์และ AI ที่ทันสมัย และเปิดตัว RICOH Handy Printer
  • 2020s: ริโก้ปรับโครงสร้างบริษัท เปลี่ยนธุรกิจไปสู่การให้บริการด้านดิจิทัล และได้ทำการทบทวนปรัชญาของ Ricoh Way โดยกำหนด "Fulfillment through Work" เป็นพันธกิจและวิสัยทัศน์ใหม่
  • ในปี 2023 ริโก้ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 บริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในโลกประจำปี 2023 และได้เข้าร่วมรายชื่อผู้นำด้านสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกติดต่อกันเป็นปีที่สอง
  • ในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ริโก้ได้เปิดตัวอุปกรณ์การประชุมทางไกล RICOH Meeting 360 V1 และเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันแบบฟูลคัลเลอร์ที่รองรับ DX โดยมีประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในอุตสาหกรรม

เหตุการณ์สำคัญเหล่านี้สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวและวิสัยทัศน์ของริโก้ในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงและแนวโน้มทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น

ริโก้มีบริการที่ครอบคลุมเพื่อสนับสนุนธุรกิจในยุคดิจิทัล โดยมุ่งเน้น 4 ความเชี่ยวชาญสำคัญ ได้แก่ สถานที่ทำงานแบบไฮบริด, เวิร์กโฟลว์ดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ, โครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์และไอที, และการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยแต่ละความเชี่ยวชาญจะมอบคุณค่าเฉพาะตัวที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า

สถานที่ทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Workplace)

ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ริโก้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่ดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทำงานแบบไฮบริดและรูปแบบการทำงานใหม่ๆ ด้วยการผสานเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ริโก้ช่วยให้การสื่อสารและการทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่นไม่ว่าจะอยู่ที่ใด บริการเหล่านี้รวมถึงเทคโนโลยีการประชุมผ่านวิดีโอขั้นสูง, หน้าจอแบบอินเทอร์แอคทีฟ, และเครื่องมือจัดการพื้นที่ทำงานแบบครบวงจร เช่น กระดานไวท์บอร์ดแบบ Interactive ที่ช่วยให้สมาชิกในทีมสามารถทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะทำงานในออฟฟิศหรือจากระยะไกล ทำให้การประชุมมีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ดี

เวิร์กโฟลว์ดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ (Digital Workflow & Automation)

การทำให้เวิร์กโฟลว์มีความคล่องตัวและลดขั้นตอนการทำงานแบบแมนนวลเป็นสิ่งสำคัญต่อประสิทธิภาพการดำเนินงาน ริโก้นำเสนอโซลูชันที่ช่วยเปลี่ยนกระบวนการทางธุรกิจให้เป็นดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ และยังช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มผลผลิต บริการเหล่านี้รวมไปถึงการค้นหาและวางแผนกระบวนการ, การจัดทำแบบฟอร์มและเวิร์กโฟลว์ดิจิทัล, ระบบ robotic process automation (RPA), และระบบเซ็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (eSignature) เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลให้กับธุรกิจ

โครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์และไอที (Cloud & IT Infrastructure)

การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีให้ทันสมัยมีความสำคัญต่อความคล่องตัวของธุรกิจ ริโก้ให้บริการโซลูชันที่ช่วยธุรกิจในการรวมทรัพยากรไอทีให้เป็นหนึ่งเดียว, ทำงานแบบอัตโนมัติ, และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งบริการเหล่านั้นประกอบด้วยโซลูชันคลาวด์, เครื่องมือสื่อสารและการทำงานร่วมกัน, การจัดการศูนย์ข้อมูล, การจัดการอุปกรณ์, การออกแบบสถาปัตยกรรมดิจิทัล, การกู้คืนระบบ, การจัดการการดำเนินงานด้านไอที, และบริการ Microsoft 365 โดยการผสานเทคโนโลยีขั้นสูง ริโก้ช่วยให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่นและทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมการเข้าถึงข้อมูลจากหลากหลายแหล่งอย่างปลอดภัย รองรับองค์กรให้ปรับตัวเข้าสู่รูปแบบการทำงานใหม่ๆได้ทันท่วงที

การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity)

การปกป้องธุรกิจจากภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง บริการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของริโก้ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้ององค์กรจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ โดยริโก้มอบโซลูชันที่ครอบคลุมเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด บริการต่างๆรวมถึงการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ทำงานยุคใหม่, ความปลอดภัยของเครือข่าย, บริการประเมินความปลอดภัย, การตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย, และบริการการจัดการความปลอดภัย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการรับมือภัยคุกคามไซเบอร์

ด้วยการมุ่งเน้นใน 4 ด้านสำคัญนี้ ริโก้ช่วยให้ธุรกิจมีความพร้อมในการเผชิญกับความซับซ้อนของโลกดิจิทัล พร้อมทั้งส่งเสริมการเติบโตและนวัตกรรม นอกจากนี้ ริโก้ยังมอบคุณค่าหลัก 12 ประการภายใต้ 4 ความเชี่ยวชาญที่สอดคล้องกับพันธกิจในการสนับสนุนสถานที่ทำงาน โดยให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง, ความยั่งยืน, และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกผลิตภัณฑ์หรือบริการจะมอบคุณค่าที่สามารถวัดผลได้ให้กับผู้ใช้งาน

ความยั่งยืนและนวัตกรรม

ความยั่งยืนเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการดำเนินงานของริโก้ บริษัทมุ่งมั่นที่จะนำแนวปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต โดยมุ่งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพรินต์และส่งเสริมการรีไซเคิล โครงการต่างๆ เช่น การริเริ่มแนวคิด Comet Circle ของริโก้ ที่เป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยโดยไม่กระทบต่อความยั่งยืน

นอกจากนี้ ริโก้ยังลงทุนอย่างมหาศาลในงานวิจัยและพัฒนา เพื่อให้มั่นใจว่าโซลูชันของริโก้เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) และเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้นอื่นๆ มาร่วมปรับใช้

บริษัทที่พร้อมก้าวสู่อนาคต

เมื่อริโก้มองไปยังอนาคต ความมุ่งมั่นของบริษัทยังคงเป็นการเสริมสร้างพลังให้กับสถานที่ทำงานดิจิทัลและส่งเสริมสังคมที่ยั่งยืน ความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ความพึงพอใจของลูกค้า และการมีส่วนร่วมในสังคมทำให้ริโก้เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทำงานทั่วโลก

ริโก้ยังคงมุ่งเน้นที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ๆในด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืน ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆทั่วโลก เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทจะเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับธุรกิจที่เผชิญกับความท้าทายในโลกยุคปัจจุบัน

A 25 Year Legacy of Innovation and Excellence