5 เทรนด์ Digital Workplace ในปี 2021

09 ส.ค. 2564

ในช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกนี้ ความสำคัญของการที่พนักงานนั้นสามารถทำงานและร่วมงานกันจากที่ใดก็ได้ (Work from Anywhere) ไม่ใช่เพียงแค่ภายในออฟฟิศเท่านั้นได้กลายเป็นประเด็นสำคัญอย่างแท้จริง
การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลถูกบังคับให้เริ่มต้นหรือถูกใช้มากยิ่งขึ้นในหลายธุรกิจ และการทำงานแบบดิจิทัล (Workplace Digitisation) ก็จะยังคงครอบงำแนวทางเทคโนโลยีในปี 2021 ด้วย

 5 อันดับเทรนด์ของ Digital Workplace ที่เราเห็นมาอย่างต่อเนื่องและจะเกิดขึ้นในปีนี้

5. ที่ไหนๆ ก็เป็นที่ทำงานได้ (Everywhere Workplace)

โรคระบาดได้เร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคธุรกิจแบบดิจิทัล เหล่าโครงสร้างและกระบวนการทำงาน (Workflows) แบบดั้งเดิมถูกแทนที่ด้วย “New Normal” ซึ่งโฟกัสที่การทำงานทางไกลและการร่วมงานแบบออนไลน์ การทำงานจากที่บ้านถูกเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวกลายเป็นวิธีการทำงานแบบมาตรฐาน

องค์กรที่ก้าวหน้าได้เตรียมการกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงนี้แล้วและกำลังใช้วิธีการใหม่นี้สำหรับการทำงาน ซึ่งแผนการนี้รวมถึงการดูแลจากองค์กรเพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานของพวกเขาจะปลอดภัย ได้รับการคุ้มครองและมีสุขภาพแข็งแรงในสภาพแวดล้อมที่บ้านของพวกเขาเองด้วย ทั้งนี้นโยบายด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่ถูกใช้อย่างได้ผลในช่วงก่อนเกิดการระบาดต้องถูกนำมาปรับแต่งเพื่อให้เหมาะสมกับเงื่อนไขต่างๆ ในปี 2021 ด้วย

หัวใจของ Everywhere Workplace นั้นสนับสนุนประสิทธิภาพการทำงานและปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อรักษากิจกรรมทางธุรกิจไว้ นอกจากนี้ยังให้อำนาจแก่พนักงานในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าโดยไม่คำนึงถึงสถานที่

4. พัฒนาพื้นที่ทำงานและพื้นที่การประชุมอย่างดิจิทัล (Digitally Enhanced Work and Meeting Spaces)

ในแง่ของบรรดาธุรกิจต่างๆ เมื่อพวกเขาวางแผนกลยุทธ์การเติบโตภายหลังโรคระบาดนั้น แน่นอนเลยว่าในด้านสถานที่การทำงานนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

องค์กรส่วนใหญ่นั้นจะผสมผสานระหว่างประสบการณ์ด้านกายภาพและประสบการณ์เสมือนจริง (Virtual Experiences) เข้าด้วยกันเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงระหว่างพื้นที่และเครื่องมืออย่างราบรื่น และขับเคลื่อนประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน การเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน (Workflow) ทำให้องค์กรอาจต้องคิดทบทวนอีกครั้งว่าพนักงานนั้นมีการสื่อสารกันเองอย่างไรเช่นเดียวกับการสื่อสารกับลูกค้า อย่างไรก็ตาม การพูดคุยหรือการสื่อสารกันอย่างรวดเร็วระหว่างคอกในออฟฟิศหรือการประชุมร่วมกันในห้องประชุมได้กลายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากแล้ว ดังนั้นการตรวจสอบแพลตฟอร์มและเครื่องมือต่างๆ ภายในองค์กรสำหรับการสื่อสารกันของพนักงานนั้นมีความสำคัญต่อธุรกิจ

เครื่องมือในการทำงานร่วมกันแบบดิจิทัลคือหัวใจสำคัญสำหรับพนักงานต่อการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานแบบใหม่เนื่องจากการมีปฏิสัมพันธ์แบบออนไลน์ได้เข้ามาแทนที่การสื่อสารแบบเผชิญหน้า (Face-to-Face Communication) ตัวแพลตฟอร์มนั้นต้องพร้อมที่จะจัดการคนที่อยู่ในพื้นที่ที่ต่างกันและใช้เครื่องมือหลากหลายชนิดในการเชื่อมต่อกัน เครื่องมือที่เหมาะสมนั้นมีความสำคัญไม่ว่าคุณจะทำงานอยู่ที่ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะในออฟฟิศ ที่บ้าน หรือลงภาคสนามก็ตาม

3. ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานใหม่ (Infrastructure Reimagined)

สำหรับผู้คนเป็นล้านแล้ว แนวคิดทั้งหมดของงานได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ การทำงานไม่ใช่การไปยังสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเพื่อไปทำงาน แต่กลายเป็นสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้เลย

เนื่องด้วยพนักงานส่วนใหญ่นั้นทำงานทางไกล ดังนั้นธุรกิจต่างๆ จะต้องมั่นใจว่าพวกเขามีเครื่องมือและบริการที่พวกเขาจำเป็นต้องมีเพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานให้เหมือนกับที่พวกเขาคาดหวังให้เกิดขึ้นในสำนักงาน

ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทบทวนและปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เหมาะสมกับช่วงเวลา การใช้งานโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายตัว (Distributed infrastructure) ช่วยให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และการดำเนินงานที่ปลอดภัย หากจะถามว่าความสำคัญคืออะไร? คำตอบก็คือ ความยืดหยุ่น

2. กระบวนการทำงานแบบดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ (Digital Workflow and Automation)

การเข้ามามีบทบาทของการทำงานแบบดิจิทัลนี้เป็นโอกาสในการเพิ่มทรัพยากรบนระบบคลาวด์ทั่วทั้งภาคธุรกิจ แทนที่ข้อมูลและเอกสารต่างๆ จะถูกจัดเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ภายในสำนักงาน ทรัพยากรที่มีความสำคัญเหล่านั้นสามารถถูกจัดเก็บผ่านระบบคลาวด์เพื่อการเข้าถึงอย่างง่ายดายจากพนักงานที่ทำงานทางไกล กระบวนการทำงานในอดีตที่ใช้เอกสารกระดาษเป็นหลัก เช่น เอกสารการลา เอกสารการเบิกค่าใช้จ่าย เอกสารจากผู้ผลิต หรือรายการคำสั่งซื้อนั้นอาจทำให้เกิดความยุ่งยากได้ ด้วยทางเลือกแบบดิจิทัลนี้สามารถช่วยเสริมสร้างความมีประสิทธิภาพได้แม้ว่าผู้ใช้จะเข้าใช้งานจากระยะไกลก็ตาม

1. ธุรกิจแบบอัจฉริยะ (Business Intelligence)

เทคโนโลยีจำเป็นต้องมีความราบรื่น สามารถเชื่อมโยงได้และเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชันทางธุรกิจที่ใหญ่กว่า

การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลนั้นเริ่มตั้งแต่การที่คุณจัดการกับเอกสาร ไฟล์และข้อมูลของคุณอย่างไร และจัดทำแผนจัดการกับข้อมูลมหาศาลนี้เพื่อไปสู่ระบบธุรกิจแบบอัจฉริยะ

ไม่สามารถโต้แย้งได้เลยสำหรับธุรกิจในยุคใหม่ที่จะต้องมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากกว่า ตรงเป้าหมายมากกว่าและคล่องตัวมากขึ้น ข้อมูลที่ไม่ได้ถูกจัดประเภทและระบุอย่างถูกต้องส่งผลให้เสียเวลา เสียประสิทธิภาพการทำงาน และเสียรายได้

การใช้ระบบอัตโนมัติทั่วทั้งธุรกิจของคุณนั้น จะทำให้เวลาและทรัพยากรสามารถเบี่ยงเบนเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ทางธุรกิจอื่นๆ และบริษัทต่างๆ จะสามารถเลือกที่จะรักษาการเป็นบริษัทขนาดเล็กแต่คล่องตัวต่อไปได้ ประสิทธิภาพและศักยภาพที่เพิ่มขึ้นนั้นหมายถึงอัตราผลกำไรที่มากขึ้นนั่นเอง

สนับสนุนเส้นทางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของคุณ

ริโก้สนับสนุนการทำงานแบบดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ เราสนับสนุนการร่วมงานแบบใหม่ การแชร์ และการจัดการกับข้อมูล ด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มลูกค้า เราได้ค้นพบโอกาสที่ซ่อนอยู่และโซลูชันที่ปลอดภัยและสอดคล้องตามข้อกำหนดเพื่อใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ ซึ่งแนวทางของเรานั้นคำนึงถึงคำแนะนำที่เรียบง่ายและสามารถปฏิบัติได้จริงโดยการมีส่วนร่วมของพนักงาน ซึ่งประเด็นนี้มักจะถูกมองข้ามเมื่อมีการประเมินการลงทุนกับเทคโนโลยีใดๆ การช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนในด้านเทคโนโลยีและบุคลากรได้อย่างสูงสุดนั้นเป็นการสนับสนุนการสร้างพื้นที่ทำงานแบบดิจิทัลและแบบกายภาพเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของพนักงาน