4 ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในองค์กรด้านการดูแลสุขภาพ
แฮกเกอร์ การโจรกรรมข้อมูล การหลอกลวงในอินเทอร์เน็ต—สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นภัยต่อ Cyber Security ขององค์กรด้านการดูแลสุขภาพ และจากรายงานของ U.S. Department of Health and Human Services (HHS) องค์กรด้านการดูแลสุขภาพในสหรัฐอเมริกาถูกโจมตีทางไซเบอร์กันมากขึ้นในช่วง 10 ปีมานี้
การโจมตีทางไซเบอร์ไม่เพียงแต่ทำให้สถานพยาบาลเสียภาพลักษณ์เพียงอย่างเดียว แต่อาจเสียทรัพย์สินถึง 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีด้วย เพราะแฮกเกอร์ไม่ได้แค่ขโมยข้อมูลไป แต่เก็บข้อมูลนั้นไว้เรียกค่าไถ่ด้วย และเมื่อสถานพยาบาลเข้าถึงข้อมูลไม่ได้ ก็จะเป็นอันตรายต่อตัวผู้ป่วย แฮกเกอร์จึงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อเรียกเงินค่าไถ่
มาดูกันว่า 4 ปัจจัยที่ส่งผลให้ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในสถานพยาบาลพุ่งสูงขึ้นมีอะไรบ้าง
เจ้าหน้าที่
ในช่วง Covid เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสหรัฐอเมริกามีจำนวนลดลงกว่า 78,000 คนในเดือนกรกฎาคม 2565 เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2563 สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐอเมริกา ( BLS ) รายงานว่า ตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2573 สหรัฐฯ ต้องการพยาบาลเพิ่มกว่า 275,000 คน และโอกาสการจ้างงานพยาบาลเติบโตมากกว่าอาชีพอื่นๆ ถึง 9% นับตั้งแต่ปี 2559 ถึง 2569
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมักจะเหนื่อยล้าจากการทำงานในช่วง Covid จนทำให้ดูแลความปลอดภัยของข้อมูลได้ไม่ดีเท่าเดิม และท้ายที่สุด อาจทำให้องค์กรตกเป็นเหยื่อของการโจมตีทางไซเบอร์ได้
สถานพยาบาลเริ่มหันมาสนับสนุนการทำงานทางไกล การให้ข้อมูลและบริการด้านสุขภาพผ่านโทรศัพท์ และโซลูชันอื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอและขยายฐานการจ้างงาน แต่หากอุปกรณ์การทำงานทางไกลไม่ได้เชื่อมต่อกันอย่างเหมาะสม หรือไม่เหมาะกับการทำงาน แฮกเกอร์ก็อาจแฮกเข้าระบบแล้วดึงข้อมูลของผู้ป่วยไปได้ ทั้งผู้ป่วยและสถานพยาบาลก็อาจตกที่นั่งลำบาก
ข้อมูลจากสถานพยาบาลทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำในตลาดมืด เพราะเป็นแหล่งที่มีข้อมูลส่วนตัว ทั้งข้อมูลบัตรเครดิต อีเมล หมายเลขประกันสังคม ประวัติการทำงาน และประวัติด้านสุขภาพ
ดังนั้นสถานพยาบาลจึงควรให้องค์กรด้านไอทีช่วยแบ่งเบาภาระการดูแลข้อมูลดิจิทัล งานของเจ้าหน้าที่ก็จะลดลง ความมั่นคงในการทำงานทางไกลจะเพิ่มขึ้นได้ง่ายๆ
งานเอกสาร
งานเอกสารกระดาษอาจตกเป็นเป้าของการโจมตีทางไซเบอร์ได้ โดยเฉพาะเมื่อถูกสแกน คัดลอก พิมพ์ หรือแฟกซ์ เราขอแนะนำ 3 วิธีที่สถานพยาบาลจะเพิ่มความมั่นคงและลดความเสี่ยงการถูกโจมตีทางไซเบอร์
3. ใช้บาร์โคด – ปกป้องข้อมูลด้วยการใช้บาร์โคดทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การติดตาม ตรวจสอบ และตอบกลับอีเมล การใช้บาร์โคดในกระบวนการทำงานสามารถแทนที่การตรวจงานด้วยคนและการสุ่มตรวจงานได้
เพราะข้อมูลของผู้ป่วยสำคัญ แนวทางการตรวจสอบข้อมูลจึงจำเป็นสำหรับการรักษา Cyber Security และโซลูชันที่เข้ามาจัดการกับข้อมูลต้องอยู่ภายใต้กฎการรักษาความเป็นส่วนตัวและความมั่นคง สถานพยาบาลจึงต้องมั่นใจว่าผู้ให้บริการด้านไอทีที่ดูแลเรื่องนี้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องข้อบังคับต่างๆ กิจการสถานพยาบาลจึงจะก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง
มาตรฐานการทำงานร่วมกัน
ทำไมผู้บริหารสถานพยาบาลต้องหาพาร์ทเนอร์ที่จะช่วยดูแลการปฏิบัติการทางไอที ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งต่อข้อมูลถึงกันได้อย่างปลอดภัย?
แม้ในอนาคตจะมีการใช้อุปกรณ์ Internet of Medical Things การดูแลผู้ป่วยทางไกล หุ่นยนต์ และอื่นๆ แต่โมเดลรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่สถานพยาบาลใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร หากต้องการเป็นผู้นำเทรนด์การประสานงานในอนาคต สถานพยาบาลต้องเริ่มจากการเปลี่ยนมาใช้โมเดล Zero Trust
หากคุณคิดว่าโมเดล Cyber Security แบบเดิมๆ ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป โมเดล Zero Trust คือคำตอบ ระบบ Zero Trust พัฒนาบนพื้นฐานที่ว่า บุคคลที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นๆ ได้ โดยโมเดลนี้จะโฟกัสไปที่
- ผู้ใช้งาน – ผู้คนที่ใช้งานระบบ เช่น เจ้าหน้าที่ ผู้ให้บริการ และผู้ทำสัญญา
- แหล่งข้อมูล – สถานที่ที่ข้อมูลถูกบรรจุไว้
- ทรัพยากร – เครื่องมือที่ใช้ปกป้องข้อมูล
โมเดล Zero Trust อาจนำไปปรับใช้ได้หลายรูปแบบ โดยมีแก่นหนึ่งเดียวคือ “เราเชื่อใจอะไรไม่ได้” เมื่อหยุดใช้นโยบายความมั่นคงแบบเดิม คำกล่าว “ไว้วางใจแต่ตรวจสอบได้” ก็จะหมดความหมาย เหลือเพียง “ตรวจสอบได้” เท่านั้น
เทคโนโลยีที่มักจะใช้ในระบบ Zero Trust คือ
- การยืนยันตัวตนโดยใช้หลายปัจจัย (Multi-factor authentication)
- โปรแกรมป้องกันไวรัสสำหรับองค์กร (Advanced endpoint protection)
- เทคโนโลยีช่วยการทำงานช่วงกักตัว (Event isolation technologies)
- การเข้าถึงข้อมูลด้วยรหัสผ่าน (Data encryption)
- ระบบพิสูจน์ตัวตนและปกป้องข้อมูลส่วนตัว (Identity management and protection)
- ระบบส่งข้อความเข้ารหัส (Secured messaging)
- การตรวจสอบแหล่งข้อมูลก่อนเชื่อมต่อ (Asset validation prior to connection)
สถานพยาบาลควรทบทวนและอัปเดตระเบียบแผน Cyber Security อยู่เสมอ การคาดการณ์ความเสี่ยงก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยรักษา Cyber Security ไว้ได้ สถานพยาบาลควรตรวจสอบข้อมูล แหล่งจัดเก็บ และการใช้ข้อมูลอย่างถี่ถ้วน เพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยขององค์กรให้แน่นหนาในทุกๆ ขั้นของการปฏิบัติงาน
และนี่คือระบบเด่นๆ ที่ใช้ตรวจสอบความพร้อมของ Cyber Security
- Business Process Optimization — พิจารณากระบวนการรักษาความมั่นคงในปัจจุบัน และหาช่องโหว่ที่ต้องการการแก้ไข
- Asset Management — หาจุดอ่อนของระบบด้วยการตรวจสอบและรายงานทรัพยากรเทคโนโลยีอยู่เสมอ ไม่ว่าทรัพยากรนั้นจะอยู่ที่ไหนและใช้งานร่วมกันอย่างไร
- Content Management — ประเมินและคัดแยกข้อมูลตามประเภทที่เชื่อมไปยังฐานข้อมูลภายในองค์กร เพื่อพัฒนากระบวนการทำงานโดยไม่ต้องนำข้อมูลออกจากระบบ
- Device Management — ยืนยันความปลอดภัยขององค์กรและโฟลว์ของข้อมูลทั้งภายในและภายนอกที่แลกเปลี่ยนกันระหว่างอุปกรณ์ภายในและภายนอก
- Forms Management — ตรวจสอบการจัดการและโฟลว์ของข้อมูล เพื่อการันตีว่าการดูแลข้อมูลเป็นไปอย่างปลอดภัยและมั่นคง พร้อมทั้งลดการจัดการข้อมูลที่ไม่แม่นยำหรือข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์
- Interoperability — ดูว่าข้อมูลผู้ป่วยถูกแชร์ไปอย่างไรบ้าง ด้วยการใช้ระบบดิจิทัลแทนระบบแอนะล็อก
- Output Management — ติดตามและตรวจสอบการพิมพ์เอกสาร เพื่อช่วยในเรื่องการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับ จัดการงานพิมพ์ที่ผิดพลาดหรือถูกลืม และตรวจจับการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ผ่านการยืนยันตัวตน
- Point of Service Scanning — ประเมินว่าข้อมูลถูกเชื่อมเข้ากับฐานข้อมูลภายในองค์กรโดยตรง เพื่อลดการเปิดเผยข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น
- Hardware — วัดว่าองค์กรใช้ฮาร์ดแวร์ได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่ โดยดูกระบวนการทำงานต่างๆ เช่น การยืนยันตัวตนที่เครื่องพิมพ์ การเข้ารหัสผ่านเอกสาร การขีดทับรูปภาพที่เป็นความลับโดยอัตโนมัติ และการจัดการข้อมูลที่ยุ่งเหยิง
ถึงแม้ว่าการตรวจสอบระบบอาจดูยุ่งยาก แต่การปกป้องเครือข่ายและอุดช่องโหว่ก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ บริษัทไอทีที่น่าเชื่อถือสามารถหาจุดอ่อนและป้องกันภัยทางไซเอร์ ช่วยเพิ่มเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การดูแลผู้ป่วย เมื่อเจ้าหน้าที่ในสถานพยาบาลมีเวลาโฟกัสกับผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ก็จะมีกำลังใจทำงานต่อไป สถานพยาบาลจึงยังคงรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพไว้ได้ ท่ามกลางสถานการณ์การขาดแคลนเจ้าหน้าที่
บริการไอทีจากองค์กรภายนอกจะช่วยให้ความรู้เฉพาะทางกับสถานพยาบาล รวมถึงพัฒนาความมั่นคงและศักยภาพของระบบที่ใช้อยู่ ซึ่งจะทำให้สถานพยาบาลมีความยืดหยุ่น พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง สามารถมอบความประทับใจให้ผู้ป่วย และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในแวดวงการรักษาพยาบาลได้
บริการไอทียังช่วยให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานแบบ Remote และ Hybrid ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับมอบความช่วยเหลือเรื่องเทคโนโลยีและมาตรการปกป้องการเข้าถึงแอปพลิเคชันและข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจะช่วยนำเสนอกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การวางแผนฟื้นฟูระบบจะช่วยลดความเสียหายให้น้อยที่สุดและมั่นใจได้ว่าข้อมูลผู้ป่วยจะไม่หายไป
“ก่อนหายนะที่แท้จริงจะมาเยือน คุณต้องรู้ว่าอะไรทำให้ระบบเสียหายได้บ้าง และต้องใช้เวลาในการกู้คืนนานเท่าไร คุณต้องประเมินก่อนว่าการใช้งานระบบเป็นอย่างไรในสถานการณ์ปกติ ถึงจะจัดการกับเสียหายและดำเนินการกู้คืนระบบต่อไป” David Levine ผู้บริหารสูงสุดด้านความมั่นคงของ RICOH กล่าว
เตรียมเจ้าหน้าที่ให้พร้อมดูแล Cyber Security
ภัยคุกคามเปลี่ยนโฉมหน้าไปเรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อน ทำให้องค์กรที่มีจำนวนเจ้าหน้าที่น้อยอาจตามเทรนด์ Cyber Security ไม่ทัน เพราะแค่การหลอกลวงในโลกไซเบอร์ก็มีถึง 20 รูปแบบ เช่น การส่งอีเมลโดยปลอมแปลงเป็นผู้บริหาร การหลอกลวงผ่านวิดีโอคอล และการลอกเลียนแบบเว็บเบราว์เซอร์ที่เป็นทางการ การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ให้พร้อมรับมือกับปัญหาถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญอย่างหนึ่งของพาร์ทเนอร์ด้านไอที
- ชื่อโดเมนและ URLs ที่น่าสงสัย
- อีเมลที่ถามหาข้อมูลส่วนตัว มีข้อความแปลกๆ สะกดหรือใช้ไวยากรณ์ผิดๆ
- การเปิดไฟล์แนบจากแหล่งข้อมูลที่ไม่รู้จักในอีเมล
- การใช้รหัสผ่านเดียวกันในหลายๆ เว็บไซต์
- ข้อดีของการใช้รหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูง
- ความเสี่ยงจากการใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะและการเชื่อมต่อไร้สายที่ไม่ปลอดภัย
การว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยและแฮกเกอร์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อหาช่องโหว่ในระบบ จะช่วยให้คุณปล่อยวางเรื่อง Cyber Security แล้วหันไปใส่ใจกับผู้ป่วยได้เต็มที่ ให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการอบรมพนักงานรายปี เพื่อให้ความรู้และเครื่องมือที่ใช้ปกป้องข้อมูล และติดตามกฎและระเบียบทางความมั่นคงใหม่ๆ
Cyber Security อยู่กับความเสี่ยงตลอดเวลา ภัยคุกคามก็มาในรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน สถานพยาบาลก็ต้องรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดจากการแข่งขัน กฎข้อบังคับของรัฐ เงื่อนไขทางเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีทั้งเก่าและใหม่
องค์กรจึงควรใส่ใจในเรื่องภัยคุกคามทางไซเบอร์เหล่านี้เพื่อสร้างความมั่นคงและน่าเชื่อถือ มิเช่นนั้นแล้วอาจจะพบกับความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดก็เป็นได้
เข้าชม Ricoh Cybersecurity Solutions ค้นหาเทคโนโลยีและบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์การรับมือภัยคุกคาม
ที่มา: RICOH USA
News & Events
Keep up to date
- 09ธ.ค.
ลงทะเบียนฟรี งานสัมมนาออนไลน์จากริโก้ Beyond the Limits: Cloud-Powered Security, Networks, and Data Analytics
- 06ธ.ค.
ริโก้ประเทศไทยได้รับโล่ผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองเครื่องหมายฉลากเขียวของผลิตภัณฑ์เครื่องถ่ายเอกสารต่อเนื่องมากกว่า 20 ปี พร้อมเกียรติบัตรผู้ได้รับการรับรองฉลากเขียวประจำปี จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI)
- 04ธ.ค.
ริโก้ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน "นายจ้างยอดเยี่ยมแห่งเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2025" โดย Financial Times
- 14พ.ย.
เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน IM C320F จากริโก้คว้ารางวัล Pick Award ประจำปี 2567 จาก Keypoint Intelligence